แม้ว่าจะเป็นมนุษย์สุขนิยมตัวกลั่น คุณนายก็ไม่เคยไปเหยียบดินแดนอาทิตย์อุทัยเลยแม้แต่ครั้งเดียว พอรัฐบาลญี่ปุ่นผ่อนผันให้ไม่ต้องทำวีซ่า คุณนายก็เลยชวนคนรู้ใจไปญี่ปุ่นด้วยกันสักหน่อย เนื่องจากค่าตั๋วไม่แพงมาก เลยจัดทริปกันแค่ 7 คืน 8 วัน ก่อนไปก็หาข้อมผูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านญี่ปุ่นหลายคน จากนั้นก็เริ่มจองโรงแรม จองซะช้าเลยเต็มไปก็เยอะ แต่ไปช่วงกันยาไม่ใช่ high season เลยยังพอได้ที่ดีๆอยู่
วันแรก
เราเดินกันจนมาถึงคิตะ เป็นแหล่งของอร่อยและแหล่งช้อปปิ้ง สุดท้ายก็ลองโฉบเข้าไปร้านซูชิร้านนึงในแถบนั้น(ขออภัยด้วย บอกไม่ได้ว่ากินร้านไหน เพราะมันมีแต่ชื่อภาษาญี่ปุ่นล้วน!) ซึ่งมีเมนูภาษาอังกฤษแต่พูดกันไม่ค่อยได้ เราเลยสั่งซูชิที่เรารู้จักคุ้นเคยและอยากกิน สรุปกันได้ว่า ขนาดร้านที่เราสุ่มเลือกกินมันยังอร่อยเลย ถ้าร้านขึ้นหิ้งมันจะขนาดไหน
ออกมากินข้าวเช้าตรงร้านแถวบ้าน ซึ่งไม่มีเมนูภาษาอังกฤษ เลยต้องไปจิ้มหน้าร้านเอา วิธีเอาตัวรอดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คุณผู้ชายติดใจร้านไอที,เกมส์,กล้องที่อยู่ตรงกันข้าม ในร้านมีเกมส์ทุกประเภทเรียกว่าปลุกความเป็นเด็กในตัวคุณผู้ชายข้างกายขึ้นมาทันที ส่วนกล้องที่มีอยู่น้อยนิดก็ทำให้เขาเริ่มเกิดความคิดอยากจะซื้อกล้องที่ญี่ปุ่นขึ้นมาทีเดียว
วันที่สอง
เราขึ้นรถไฟ JR Line ที่ Osaka station ไปลง Kyoto station แล้วขึ้นแท็กซี่ไปบ้านพักในเกียวโตของเรา บ้านพักหลังนี้เป็นบ้านของลุงคนญี่ปุ่นชื่อ Haruhisa Ono ที่พักชื่อ Studio Veada Kyomachiya [sxki32458@nike.eonet.ne.jp] เราพักที่เกียวโตสามคืน คืนสุดท้ายเราจะพักเรียวกังชื่อดัง สองคืนแรกเลยลองพักแบบแตกต่างไปบ้าง ลุงโอโน่เป็น graphic designer ที่หันมาตกแต่งบ้านญี่ปุ่นที่เก่าเป็นร้อยปี แม้ว่าลุงจะดูงงๆไปหน่อย แต่ที่พักของลุงเริ่ดมากเทียบค่าที่พัก มีห้องนั่งเล่น ห้องนอน สวนเล็กๆ ห้องน้ำ (แยกห้องอาบน้ำ ห้องน้ำหญิง ห้องน้ำชาย) และห้องทานข้าวของเราเอง แล้วที่พักก็อยู่ในย่าน Gion ซึ่งใกล้กับที่ที่เราจะไปมากมาย แล้วลุงก็พาเราไปกินมื้อกลางวันใกล้ๆบ้านลุง เป็นร้านเล็ก มีประมาณสิบยี่สิบที่นั่ง แล้วไม่ต้องสั่ง เราเค้าจัดเซ็ทให้เป็นอาหารชุดแบบเกียวโต ซึ่งน้อยเกิ้น คุณผู้ชายหาได้อิ่มไม่
จากนั้นเราก็ลุยไปวัดแรกของเกียวโตนั่นคือ Kiyomizu-dera ซึ่งเดินไปจากที่กินกลางวันไม่ไกล ทางเดินไปวัดมีคนญี่ปุ่นเยอะมากถึงมากที่สุด พอถึงวัดคนก็เยอะมาก เป็นวัดยอดฮิตว่างั้น วัดนี้สีสันจาดจ้าน ใหญ่โต มีกลุ่มอาคารหลายหลังมากมาย ที่น่าทึ่งมากคืออาคารที่มีเฉลียงขนาดใหญ่ที่อิงอยู่บนหน้าผา คุณผู้ชายสถาปนิกข้างกายบอกว่ามีความสำคัญด้านสถาปัตยกรรมมากมายเพราะสร้างขึ้นมาจากหน้าผาได้สูงมาก ในวัดยังมีศาลเจ้ามากมายและมีหินสองก้อนที่หากหลับตาเดินถึงกันได้แปลว่าจะประสบความสำเร็จในความรัก
หลังจากเดินกันอยู่นานเราจึงเริ่มออกเดินอีกครั้งเพื่อไปวัด Kodai-ji ทางเดินระหว่างสองวัดนี้เค้าเรียกรวมๆว่า Higashiyama เป็นทางเดินที่เค้าอนุรักษ์ไว้ สังเกตได้คือเค้าจะทำทางเดินปูด้วยหินเรียบเป็นพิเศษ สองข้างทางจะเป็นร้านรวงที่คงความดั้งเดิมของเกียวโตเอาไว้ เราก็เดินอย่างเพลิดเพลิน ระหว่างทางจะมีเด็กหนุ่มหน้าตาดีรับจ้างลากรถให้เรานั่งชมเมืองได้ คนนั่งส่วนมากเป็นผู้หญิงญี่ปุ่นหน้าตาดีเช่นกัน สงสัยว่าเค้าคงจีบกันมากกว่ารับจ้างกันเป็นจริงเป็นจัง หลังจากเดินอยู่พักใหญ่จนมาถึงสวนสวยชื่อ Maruyama-koen เราก็รู้ตัวแล้วว่าเราเดินเลย จึงพยายามเดินกลับไปก็เลยอีก จนสุดท้ายจึงเจอว่าต้องเดินขึ้นบันไดไปจากป้ายภาษาญี่ปุ่นที่มีภาษาอังกฤษซ่อนอยู่ตัวเล็กๆ เดินขึ้นไปถึงวัดก็ปิดพอดี (วัดที่นี่ส่วนใหญ่ปิดประมาณสี่ครึ่งถึงห้าครึ่ง) เศร้าเลย อุตส่าห์หาเจอ
อ่ะ เราจะไม่ท้อ มุ่งหน้ากลับมาที่สวนสวยสวนเดิม แล้วเดินต่อมาที่ศาลเจ้า Yasaka-jinja ซึ่งสวยงามมากในยามโพล้เพล้พระอาทิตย์กำลังตก พอเริ่มมืดไฟตามศาลเจ้าก็เริ่มเปิด มันรู้สึกขลังดีอ่ะที่ได้เดินในศาลเจ้าในกรุงเก่าอย่างเกียวโต จากนั้นเราก็เดินออกจากศาลเจ้าทะลุมาถึงถนน Shijo-dori ซึ่งเป็นถนนย่าน downtown ของเกียวโต ข้ามสะพาน Shijo ohashi มาอีกฝั่ง กะว่าจะมากินสุกี้ยากี้ร้านดัง Sukiyaki amishima Tei เดินหากันจนเจอแต่อดจ้า ต้องจองเท่านั้นร้านเค้าเต็มฮ่ะ
เราเลยเดินเรื่อยเปื่อยจองพึ่งพา TripAdvisor แอ็ปโปรดของคุณนาย ซึ่งนำเหนอร้านเทมปุระที่อยู่ไม่ไกลร้านนึงชื่อ Ten Yuo [tel: +81 2075-212-7778] ซึ่งซ่อนตัวอยู่ชั้นสองของร้านเฟอร์นิเจอร์อีกที ขึ้นไปถึงก็เป็นร้านขนาดเล็กมากมีเชฟอยู่ตรงกลางและมีสิบที่นั่งเป็นบาร์อยู่รอบเชฟ ดีนะที่ก่อนมาเราดูหนังเรื่อง Jiro: Dream of sushi มากันก่อน เพราะร้านนี้ก็ประมาณนั้นเลย เชฟจะทอดเทมปุระให้เราทานทีละอย่าง วางบนจานหน้าเราอย่างบรรจงดั่งงานศิลปะ เราเลือกได้ที่จะจิ้มน้ำจิ้มเทมปุระหรือเกลือกับพริกไทยญี่ปุ่น (ที่หอมเหลือเกิน) เรากินอาหารทั้งหมดสิบอย่าง (Appetizer, เทมปุระเจ็ดอย่าง, ข้าวผัด, ของหวาน) ที่อร่อยมากจริงๆ แบบแระทับใจไม่ลืมเลยคือสาหร่ายห่อหอยเม่นเทมปุระ แต่โดยรวมเราประทับใจกับประสบการณ์นี้มาก เพราะมันช่างพิเศษเสียจริงๆ
คืนนั้นเดินกลับบ้านลุงด้วยความงง เพราะบ้านแกอยู่สุดซอยแล้วมันก็มืดมาก ต้องขอบคุณ Google Map บนไอโฟนกับฟังชั่นบอกทางเดินและ 3G ในญี่ปุ่นที่ดีเป็นเลิศ ถึงบ้านลุงมาเปิดต้อนรับด้วยความสลึมสลือ เพราะบ้านนี้ไม่มีกุญแจ ลุงแกบอกว่าตัวแกนั่นแหล่ะคือกุญแจ เจ๋งไหมล่ะ อาบน้ำที่บ้านนี้ทำให้ได้ลองอาบแบบคนญี่ปุ่นคือนั่งเก้าอี้ซักผ้าอาบ พอนั่งปั๊บเราจะเห็นตัวเองในกระจกเต็มตัวทีเดียว นับเป็นประสบการณ์ที่แปลก แต่หลายคืนก็ชักติดใจแฮะ
คุณนายอินเจแปนจะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดติดตามตอนต่อไปนะฮะ กับการเที่ยวกันเองแบบฉบับคุณนาย การันตีว่ามีครบทุกรสยกเว้นรสจืดจ้ะ.
Thanks for your blog, nice to read. Do not stop. สล็อตแตกง่าย ข่าวสารคาสิโน
ReplyDelete