Saturday, October 22, 2011

เราจะข้ามไปด้วยกัน


วันนี้วันที่ยี่สิบ เหมือนเดิมนะครับ​ ..ผมอยากจะคุยเรื่อง.. ไม่ต้องมีแผนที่ ไม่ต้องมีเรื่องน้ำ ไม่ต้องมีเรื่องอะไรเลยนะครับ

วันนี้เราจะต้องไปด้วยกันครับ

ผมคนลูกเจ้าพระยา บ้านผมอยู่อยุธยา ผมว่ายแม่น้ำสายนี้มาตั้งแต่เด็ก แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก บ้านผมครับ ที่ราบน้ำท่วมถึงผืนนี้ ผมเล่นน้ำตอนน้ำท่วมมาครับ ผมจะบอกว่า แม่เจ้าพระยาไม่ได้ตั้งใจทำร้ายใคร แม่เจ้าพระยาทำเป็นธรรมชาติ มนุษย์เข้ามาอยู่ในที่ที่เค้าต้องท่วม ดังนั้น เราจะอยู่กับเค้าได้ยังไง ขอให้คิดอย่างนี้ วันนี้ความเสียหายที่เกิดมากกว่าน้ำ ก็คือการที่เราเห็นแก่ตัว การที่เราแย่งนมกระป๋องเดียว

การที่เราแย่งมาม่าซองเดียว มันกินได้ไม่กี่วันหรอกครับ งานนี้เราอยู่กันเป็นเดือน เราจะอยู่ได้ด้วยการแบ่งกัน

แล้วน้ำท่วมคราวนี้ มันจะสอนให้เราอีกหลายเรื่อง ทำให้เราแกร่งขึ้น ทำให้ชุมชนเรารักกันมากขึ้น ทำให้ครอบครัวเราอยู่ด้วยกันมากขึ้น ทำให้สังคมได้ร่วมกันคิด การที่เราอยู่กับน้ำ เราต้องผลิตภูมิปัญญาอะไร เราต้องไปคิดค้น สืบค้นว่าสมัยปู่ย่าตายาย เค้าอยู่กันมายังไง เราจะได้คุยกับคนเฒ่าคนแก่

วันนี้ ถ้าให้ผมแนะนำ หนึ่ง รักษาตัวเองก่อน ถ้าน้ำท่วม หาสะพาน ทำไม้กระดาน ทำยังไงก็ได้ อย่าเหยียบน้ำ อย่าเหยียบนาน ถ้าน้ำกัดเท้า เราไปหาหมอยากครับ แล้วเราจะอยู่เดือนสองเดือนลำบาก อย่าโชว์พลัง โชว์พาวเวอร์ไปเก็บของ อย่าห่วงสมบัติมากครับ เดี๋ยวถ้าเป็นไข้ไป เราจะพลาดโอกาสในการดูแลคนในครอบครัวเรา แล้วเราจะเป็นภาระของคนอื่น ไปหาหมอหยูกยาก็ลำบาก ผมอาจจะแนะนำไม่เหมือนคนอื่น แต่ผมคิดว่า รักษาตัวเองไว้ รักษาไว้ทำไม หน้าที่ของเราไม่ใช่การเอาตัวรอดนะครับ แต่หน้าที่ของเราก็คือ การช่วยเหลือเอื้ออาทรณ์ต่อคนที่อ่อนแอกว่าเราในภาวะเช่นนี้

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ ขับรถออกไปทางตะวันตกอีกสี่สิบกิโล ถึงราชบุรี ที่นั่น อาหาร น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ ถึงเมืองกาญฯ น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ ไม่มีน้ำท่วมครับ ออกไปทางชลบุรี น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ ไม่มีน้ำท่วมครับ เราไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยครับ

พี่น้องร่วมชาติของเรา อยู่รอบๆตัวเรา และพร้อมที่จะช่วยเรา

เราจะไปด้วยกันครับ เราจะฝ่าไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นคุณสุขุมพันธ์ คุณปู หรือใครก็ตาม คุณประชา ผมคิดว่าไม่ใช่เวลาที่จะมาทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่เป็นเวลาที่จะต้องไปด้วยกันให้ได้ครับ การที่ทำให้เกิดภาวะที่โกลาหลไม่เป็นผลดีใดๆเลย เราต้องอยู่กันอีกนานครับ

จากวิกฤติครั้งนี้ แม้จะไม่มีน้ำ แม้จะไม่มีอาหาร ผมคิดว่าเรารอดได้ เราไปได้ มนุษย์เราสามารถผ่านเรื่องราวแบบนี้ไปได้ครับ ผมมีรูป Stone Hedge อยู่ที่ห้องนอนผม ตอนนี้ผมเอามาไว้ที่ห้องน้ำมูลนิธิ ผมยกขึ้นมา ผมมีความฝันครับ

“หากคุณเห็นสิ่งที่มองไม่เห็น สิ่งที่เป็นไปไม่ได้อาจเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ If you can see the invisible, you can do the impossible.”

เราอาจจะพากรุงเทพฯรอดไปด้วยกันก็ได้ ถ้าเราเห็นโอกาส เห็นความรัก และเห็นหน้าที่ที่เราจะต้องออกไปช่วยเหลือคนอื่น เพราะพอเราไม่มองตัวเองปั๊บ ความวุ่นวายที่มันเกิดขึ้น มันจะถูกจัดระเบียบ ออกมาเป็นจิตอาสา ออกมาร่วมกัน เราจะไม่โทษกันในภาวะเช่นนี้ เราจะต้องผ่านมันไปด้วยกัน

จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เรามีหน้าที่ที่จะฟื้นฟูประเทศนี้ไปด้วยกันครับ บ้านของผม ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ใครจะมาอยู่ เราปรับตัวอยู่ร่วมกับเค้า เค้าเป็นมิตร เค้าให้โอกาสกับเราเยอะ วันนี้ เค้าให้โอกาสเราได้เรียนรู้ครั้งใหญ่ มองเห็นรึเปล่าครับสิ่งที่ invisible หลังจากนี้ เราจะพัฒนาชาติร่วมกัน ทำให้ประเทศของเราเข้มแข็ง แล้วก็เติบโตอย่างก้าวกระโดด ผมเชื่ออย่างนั้นครับ.


ศศิน เฉลิมลาภ
เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร
20 ตุลาคม 2554

No comments:

Post a Comment